อภิธัมมัตถสังคหบาลี: ปฏิจจสมุปบาทและวัฏฏะ อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา หน้า 368
หน้าที่ 368 / 442

สรุปเนื้อหา

ในหน้าที่ 368 ของอภิธัมมัตถสังคหบาลี, พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงถึงปฏิจจสมุปบาทที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติและกิเลส ซึ่งแสดงถึงการเชื่อมโยงของเหตุและผลทางจิตใจ โดยการอธิบายถึงการดำรงอยู่ของธรรมที่มีปัจจัยต่าง ๆ เป็นองค์ประกอบ เช่น ความโลภที่ทำให้เกิดการเจริญงอกงามตามกระบวนการกรรม นอกจากนี้ ยังชี้ให้เห็นถึงธรรมชาติที่เป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่มีจุดเริ่มต้นที่ชัดเจน ทำให้ผู้ศึกษาต้องพิจารณาถึงเหตุและปัจจัยในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในหลักธรรมนี้.

หัวข้อประเด็น

-อภิธัมมัตถสังคหบาลี
-ปฏิจจสมุปบาท
-วัฏฏะ
-ความโลภ
-เหตุปัจจัย

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 368 ย่อมเป็นอันพระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้ว ฯ โดยประการที่แสดงปัจจัย แห่งอวิชชชานอกนี้ จักรคือปฏิจจสมุปบาทก็จะพึงเป็นของไม่เกี่ยวโยง กันแลฯ พระมหามุนี คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแต่งตั้ง คือ บัญญัติวัฏฏะ คือธรรมชาตที่เป็นไตรวัฏตามอำนาจแห่งกิเลส กรรม และวิบาก ซึ่งเป็นไปเนืองนิจคือไม่ขาดสาย ไม่มีเบื้องต้น คือปราศจาก เบื้องต้น ชื่อว่าเตภูมิกะ (เป็นไปในภูมิ ๓) เพราะนับเนื่องใน ๓ ภูมิว่า ปฏิจจสมุปบาท ด้วยประการอย่างนี้ คือโดยนัยที่กล่าวแล้ว อย่างนี้ ฯ ค [อธิบายปัฏฐานนัยปัจจัย ๒๔ มีเหตุปัจจัยเป็นต้น] ท่านอาจารย์ครั้นแสดงปฏิจจสมุปบาทนัย โดยวิภาคอย่างนี้แล้ว บัดนี้ เพื่อแสดงปัฏฐานนัย จึงได้กล่าวคำเป็นต้นว่า เหตุปจฺจโย ฯ พึงทราบวินิจฉันในคำวา เหตุปจฺจโย เป็นต้นนั้น ปัจจุบันธรรมย่อม ตั้งอยู่ คือประดิษฐานอยู่ ด้วยปัจจัยนั้น เพราะเหตุนั้น ปัจจัยนั้นจึงชื่อ ว่าเหตุฯ หิ ศัพท์ บัณฑิตพึงทราบว่า มีอรรถว่า ตั้งอยู่ ในที่นี้ เพราะศัพท์คือธาตุมีอรรถมากมาย ฯ อีกอย่างหนึ่ง ผลที่มีความโลภ เป็นต้นนั้นเป็นปัจจัย ย่อมเป็นไป คือดำเนินไป ได้แก่เป็นไปได้ “คือถึงความเจริญงอกงาม ก็ด้วยปัจจัยมีความโลภเป็นต้นนั้น ซึ่งเป็น เหตุแห่งกรรม ดุจต้นไม้ถึงความเจริญงอกงามด้วยรากที่ดูดอาหาร (โอชะ) ขึ้นไปข้างบน เพราะฉะนั้น ปัจจัยมีความโลภเป็นต้นนั้น จึงชื่อว่าเหตุฯ เหตุนั้นด้วย เป็นปัจจัยด้วย เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More