ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 414
ชื่อว่าการเจริญกรรมฐานมีกสิณเป็นต้น จะไม่ข่มกิเลสมีราคะเป็นต้น
หรือจะไม่เป็นอุปการะแห่งกุศลธรรมมีศรัทธาเป็นต้น ไม่มี ฯ
[อธิบายอัปปนามีและไม่มีในกรรมฐานบางอย่าง
บทว่า สพฺพตฺถาปิ คือ แม้บรรดากรรมฐาน ๔๐ อย่าง ๆ
อัปปนาไม่มีในกรรมฐาน ๑๐ อย่าง มีพุทธานุสสติเป็นต้น เพราะพระ
คุณของพระพุทธเจ้าเป็นต้นเป็นปรมัตถ์ เพราะมีมากมายหลายอย่าง
และเพราะแม้พระคุณอย่างเดียวก็เป็นของลึกซึ้ง เพราะสมาธิไม่อาจจะ
ตั้งมั่งอยู่ได้ด้วยอำนาจแห่งอัปปนาฯ สมาธิยังไม่ถึงความเป็นอัปปนา
ตั้งอยู่โดยความเป็นอุปจาระอย่างเดียว ฯ แต่โลกุตตรสมาธิและ
อรูปสมาธิที่ ๒ และที่ ๔ ย่อมถึงอัปปนาได้ แม้ในสภาวธรรม
ด้วยอำนาจแห่งภาวนาพิเศษ ฯ จริงอยู่ โลกุตตรสมาธิย่อมถึงอัปปนาได้
ตามกำลังลำดับแห่งการเจริญวิสุทธิ์ ฯ อารุปปสมาธิถึงอัปปนาได้
ตามอำนาจภาวนาก้าวล่วงอารมณ์ ฯ จริงอยู่ จตุตถฌานสมาธิที่ถึง
อัปปนานั่นเทียง มีแต่จะก้าวล่วงเพียงอารมณ์เท่านั้น ฯ ปัญจฌานมี
อยู่แก่กรรมฐานมีปฐวีกสิณเป็นต้นเหล่านั้น หรือกรรมฐานมีปฐวีกสิณ
เป็นต้น ประกอบในปัญจกฌานเหล่านั้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าปัญ
จกฌานิกะ ๆ จิตย่อมเป็นไปในอสุภกรรมฐานนั้น ด้วยกำลังแห่งวิตก
อย่างเดียว เหมือนเรือไปในแม่น้ำที่มีกระแสเชี่ยวด้วยกำลังถ่อฉะนั้น
เพราะอสุภภาวนามีอารมณ์เป็นปฏิกูล เพราะฉะนั้น ท่านอาจารย์จึงได้
กล่าวว่า ปฐมชฺฌานิกา (สำเร็จปฐมฌานได้) เพราะฌานที่ไม่มีวิตก
ไม่เกิดในอสุภกรรมฐาน ฯ