ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา - หน้าที่ 84
ภาคเมื่อทรงจำแนกสังขารขันธ์ ตรัสว่า" ชื่อว่าสังขาร เพราะอรรถว่า
ปรุงแต่งสิ่งที่เป็นสังขตะ ทรงแสดงไว้ด้วยคำว่า จักขุสัมผัสสชาเจตนา
ดังนี้เป็นต้น ในสุตตันตภาชนีย์ในวิภังคปรณ์” เพราะเป็นประธานใน
การปรุงแต่ง ฯ เจตนานั้นมีการมุ่งหวังเป็นลักษณะ จึงเห็นว่า เหมือน
ลูกมือผู้เป็นหัวหน้าและนายช่างไม้ใหญ่เป็นต้น ยังกิจของตนและกิจ
ของคนอื่นให้สำเร็จฉะนั้นฯ
ร็จฉะนั้น ฯ การแดสงสรุปเอกัคคตา วิตก วิจาร
และปีติ อย่างแจ่มแจ้ง มาแล้วในหนหลังนั่นแล้วๆ ชื่อว่าชีวิต เพราะ
อรรถว่า เป็นเครื่องดำรงอยู่แห่งสัมปยุตธรรมทั้งหลาย ฯ ชีวิตนั้นนั่นแล
ชื่อว่าเป็นใหญ่ เพราะประกอบด้วยความเป็นใหญ่ในการอนุบาลธรรม
ที่เกิดร่วมกัน เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าชีวิตนทรีย์ฯ ชีวิตนทรีย์นั้น
มีการอนุบาลเป็นลักษณะ เหมือนน้ำหล่อเลี้ยงดอกบัวเป็นต้นฉะนั้น ๆ
การกระทำ ชื่อว่าการฯ การกระทำไว้ในใจ ชื่อว่ามนสิการ ฯ มนสิการ
นั้น มีการเหนี่ยวใจในไว้อารมณ์เป็นลักษณะ ฯ
ન
วิตก เจตนา และมนสิการเหล่านี้ มีความต่างกันอย่างนี้ คือ วิตก
เป็นเหมือนบรรจุสัมปยุตธรรมเหล่านั้นไว้ในอารมณ์นั้น เพราะเป็น
สภาพยกธรรมที่เกิดร่วมกันมาวางไว้ที่อารมณ์, เจตนาประกอบไว้ แม้
ซึ่งธรรมตามที่เกิดแล้วไว้ในอารมณ์นั้นด้วยตน โดยการยึดถืออารมณ์
เป็นเหมือนแม้ทัพ, มนสิการเป็นเหมือนนายสารถีผู้ควบคุมม้าอาชาไนย
เพราะประคับประคองสัมปยุตธรรมเหล่านั้น ให้มุ่งหน้าตรงต่ออารมณ์ ฯ
ในอธิการว่าด้วยความต่างกันนี้ มีกถาที่เป็นอนุสาสนี้ของท่าน
๑. สํ. ขนฺธ. ๑๓/๑๐๖ ๒. อภิ, วิภงฺค. ๒๕/๑๐.