ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 344
ที่เป็นประธานฯ จริงอยู่ ตัณหาเป็นเหตุพิเศษแห่งทุกข์ เพราะเป็น
เหตุแห่งความวิจิตรของกรรม เพราะเข้าถึงความเป็นสหายของกรรม
และเพราะเป็นเหตุนานัปการแห่งทุกข์ ฉะนี้และ ฯ ในบทว่า มคฺโค
บัณฑิตพึงประกอบมัคคศัพท์อีกว่า มรรคที่กล่าวโดยชื่อว่านิโรธคามินี-
ปฏิปทา ท่านเรียกว่า โลกุตตรมรรคฯ
ธรรมเหล่านี้ คือ ธรรมมีผัสสะเป็นต้นที่ประกอบด้วยมรรค คือ
ที่สัมปยุตด้วยมรรคที่เหลือนอกจากมรรคมีองค์ ๘ และผลพร้อมด้วย
ธรรมที่สัมปยุต พ้นไป คือนอกไปจากสัจจะ ๔ โดยนิปปริยาย ฯ แต่โดย
ปริยาย เพราะเหตุที่ท่านกล่าวคำว่า มคฺคงค์ มคฺคปริยาปนฺนํ ไว้
แม้ในนิเทศแห่งอัญญาตาวินทรีย์ ในบรรดาผลธรรมจึงอาจทำการ
สงเคราะห์สัมมาทิฏฐิเป็นต้น ลงในมรรคสัจ และธรรมที่สัมปยุตด้วย
มรรคผลนอกนี้ลงในทุกขสัจ โดยเป็นสังสารทุกข์เหมือนกัน ฯ จริงอยู่
เมื่อมีการสงเคราะห์อย่างนี้ แม้ความที่สัจจเทศนา เป็นสัพพสังคาฬิกา
(คือสงเคราะห์ธรรมทั้งปวง) ก็เกิดขึ้นได้ ฯ ถามว่า ก็เพราะเหตุไร
ท่านอาจารย์จึงกล่าวธรรมมีขันธ์เป็นต้นเหล่านั้นไว้เป็นอันมากฯ แก้ว่า
เพราะธรรมทั้งหลาย แม้พระผู้มีพระภาคก็ทรงแสดงไว้มากอย่างนั้น
เหมือนกันฯ ถามว่า เพราะเหตุไรแม้พระผู้มีพระภาคจึงทรงแสดง
ธรรมไว้เป็นอันมากอย่างนั้น ๆ แก้ว่า เพราะทรงพระประสงค์ความ
อนุเคราะห์สัตว์ ๓ เหล่าฯ จริงอยู่ สัตว์มี ๓ เหล่า ด้วยอำนาจความ
หลงงมงายในนาม ๑ ในรูป ๑ และในนามและรูปทั้ง ๒ นั้น ๑ ด้วย
ค
ન્
က
อำนาจแห่งอินทรีย์แก่กล้า ๑ ไม่แก่กล้านัก ๑ อ่อน ๑ และด้วย
0