การพิจารณาไตรลักษณ์และวิปัสสนาญาณ อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา หน้า 424
หน้าที่ 424 / 442

สรุปเนื้อหา

บทความนี้อธิบายความสัมพันธ์ของกรรมฐานกับความไม่เที่ยง ทุกข์ และอนัตตาในหลักธรรมของพระพุทธศาสนา โดยเสนอวิธีการพิจารณาไตรลักษณ์และการพัฒนาญาณในกรรมฐาน นอกจากนี้ยังอธิบายแต่ละชนิดของญาณ อาทิ สัมมสนญาณ, อุทยัพพยญาณ, ภยญาณ, และนิพเพทญาณ ที่ช่วยให้ผู้ปฏิบัติสามารถเห็นสังขารต่างๆ อย่างชัดเจนและเข้าใจความจริงของชีวิตผ่านการเพ่งพิจารณา.

หัวข้อประเด็น

-ไตรลักษณ์
-กรรมฐาน
-วิปัสสนา
-ญาณ
-พุทธศาสนา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 424 กรรมฐานนั้น ฯ สัมพันธ์ความว่า มีการสงเคราะห์วิสุทธิ์ ด้วยนัย ๒ อย่าง ฯ [อธิบายไตรลักษณ์] ที่ชื่อว่าลักษณะ ก็เพราะอรรถว่า เป็นข้อควรกำหนด หรือเป็น เครื่องสำหรับจะกำหนด คือความไม่เที่ยง ชื่อว่าอนิจจลักษณะ ฯ ลักษณะคือความเป็นทุกข์ กล่าวคือความบีบคั้น คือความเกิดขึ้นและ ความเสื่อมไป เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าทุกขลัษณะ ฯ ก็ความไม่มีแห่ง อัตตา ที่ชนพวกอื่น กำหนดไว้ ชื่อว่าอนัตตา ฯ ลักษณะคืออนัตตา (ความไม่ใช่ตัวตน) นั้นแหละ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าอนัตตลัษณะ ฯ การพิจารณาเห็นลักษณะทั้ง ๓ ชื่อว่าอนิจจานุปัสสนาฬิกา (การ พิจารณาเห็นความไม่เที่ยงเป็นต้น) ) [อธิบายวิปัสสนาญาณ] ๆ ญาณที่เป็นไปด้วยอำนาจการพิจารณาธรรมมีขันธ์เป็นต้น โดย વ્ર หมวด ชื่อว่าสัมมสนญาณ ฯ ญาณที่เป็นไปด้วยอำนาจการตามเห็น ความเกิดและความดับ ชื่อว่าอุทยัพพยญาณ ฯ ญาณที่ปล่อยความเกิด เสีย เป็นไปแต่ในความดับ ชื่อว่าอุทยัพพยญาณ ฯ ญาณที่เป็นไปด้วย อำนาจการตามเห็นสังขารทั้งหลาย โดยเป็นของน่ากลัว ชื่อว่าภยญาณ ฯ ญาณที่เป็นไปด้วยอำนาจการเพ่งพิจารณษสังขารทั้งหลายที่เห็นว่าน่ากลัว โดยมีโทษ ชื่อว่าอาทีนวญาณ ฯ ญาณที่เป็นไปด้วยอำนาจความเบื่อหน่าย ในสังขารทั้งหลาย ที่ตนเห็นโทษแล้ว ชื่อว่านิพเพทญาณ (นิพพิทา
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More