ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 131
ที่มโนทวารยึดถือแล้ว เป็นปัจจุบันโดยส่วนเดียว ที่สมมติว่าเป็นคตินิมิต
เป็นอารมณ์แก่จิตทั้ง ๓ นั้น อารมณ์แห่งปฏิสนธิจิตเป็นต้น ที่เป็น
กามาวจร อันทวาร ๖ ยึดถือแล้ว เป็นปัจจุบันและอดีต ที่สมมติว่า
เป็นกรรม กรรมนิมิต และคตินิมิต โดยสมควรแก่กำเนิด ย่อมมีดัง
พรรณนามาฉะนี้ ฯ ฯ แต่ในมหัคคตปฏิสนธิจิตเป็นต้น ธรรมารมณ์อย่าง
เดียวอันมโนทวารยึดถือแล้ว เป็นบัญญัติที่สมมติว่าเป็นกรรมและกรรม
นิมิต เป็นอารมณ์แก่รูปาวจรจิต และอรูปที่ ๑ ที่ ๓ เฉพาะที่เป็นอดีต
เป็นอารมณ์แก่อรูปที่ ๒ และที่ 4 อารมณ์แห่งปฏิสนธิจิต ภวังคจิต
และจุติจิต ที่เป็นมหัคคตะ อันมโนทวารยึดถือแล้ว เป็นบัญญัติบ้าง
เป็นอดีตบ้าง ที่สมมติว่าเป็นกรรมนิมิตอย่างเดียว ย่อมมีดังพรรณนา
มาฉะนี้ ฯ
หลายบทว่า เยฮุยฺเยน ภวนฺตเร ฉทวารคุคหิต มีความว่า
อันชวนะที่เป็นไปในทวาร ๖ ซึ่งเป็นไปแล้วในเวลาใกล้จะตายยึดถือเอา
แล้วโดยมาก ในภพเป็นลำดับที่ล่วงแล้ว ฯ จริงอยู่ ทวารอะไร ๆ จะ
ถือเอาอารมณ์แห่งปฏิสนธิของสัตว์ทั้งหลาย
งหลาย ผู้จุติจากอสัญญีภพในอดีต-
ภพ อันเป็นลำดับ ย่อมไม่มี เพราะเหตุนั้น ท่านอาจารย์จึงดูอารมณ์
ของปฏิสนธินั้นผิด ด้วยเติม เยฮุยเยน ศัพท์ เข้าในคำว่า เยฮุยฺเยน
ภวนฺตเร ฉทวารคฺคหิต ดังนี้ ฯ จริงอยู่ อารมณ์มีกรรมนิมิตเป็นต้น
ย่อมปรากฏแก่ปฏิสนธิของเหล่าอสัญญีสัตว์นั้น ด้วยกำลังแห่งกรรมอย่าง
เดียวเท่านั้น ฯ ฯ สมจริงดังที่ท่านธรรมปาลาจารย์ ถามถึงปฏิสนธินิมิต
ของสัตว์ผู้จุติจากอสัญญีภพ แล้วกล่าวความปรากฏแห่งอารมณ์ของ