ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 284
ที่แสดงไว้แล้ว ท่านอาจารย์จึงกล่าวคำมีอาทิว่า สพฺพญ ปเนต
ดังนี้ ฯ
1
l
รูปที่ชื่อว่าอเหตุกะ เพราะไม่มีเหตุมือโลภะเป็นต้น ที่สัมปยุต
ที่ชื่อว่าสปัจจยะ เพราะมีปัจจัยตามที่เป็นของตน ฯ ที่ชื่อว่าสาสวะ
เพราะประกอบด้วยอาสวะมีกามาสวะเป็นต้น ที่ปรารภตนเป็นไป
ที่ชื่อว่าสังขตะ เพราะถูกปัจจัยทั้งหลายปรุงแต่ง ฯ ที่ชื่
ที่ชื่อว่าโลกิยะ
เพราะเกี่ยวข้องในโลก กล่าวคืออุปาทานขันธ์ ฯ ที่ชื่อว่ากามาวจร
เพราะเป็นแดนที่กามตัณหาท่องเที่ยวไป ฯ ที่ชื่อว่าอนารัมมณะ เพราะ
อรรถว่า ไม่มีอารมณ์ เพราะไม่ถือเอาอารมณ์อะไร ๆ เหมือนพวก
อรูปธรรม ฯ ที่ชื่อว่าอัปปหาตัพพะ เพราะไม่เป็นของจำต้องละด้วย
อิติ ศัพท์ ซึ่งมีปการเป็นอรรถนั้น ท่านอนุรุทธาจารย์สงเคราะห์
เอกวิธนัยทั้งหมดมีนัยว่า อพฺยากต์ เป็นต้น ๆ ที่ชื่อว่าอัชฌัตติกรูป
เพราะ พิง คืออิงอาศัยตน กล่าวคืออัตภาพเป็นไป ฯ รูปธรรม
แม้เหล่าอื่น ซึ่งมีอยู่ในภายในก็จริง ถึงอย่างนั้น รูปมีจักขุเป็นต้น
เท่านั้น ชื่อว่าอัชฌัตติกรูป ด้วยสามารถแห่งการหมายความตามนิยม ฯ
อีกอย่างหนึ่ง รูปมีจักขุเป็นต้นนั้นแล ชื่อว่าอัชฌัตติกรูป เพราะมี
อุปการะอย่างดียิ่งแก่อัตภาพโดยพิเศษ เป็นเหมือนพูดว่า ถ้าพวก
เราไม่มี ท่านก็จักเป็นเหมือนท่อนไม้ ๆ อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่าอัชฌัตตะ
เพราะอรรถว่า อิงอาศัยจิต กล่าวคือตนเป็นไป โดยความเป็นทวาร
แห่งจิตนั้น ๆ อัชฌัตตะนั้นนั่นแล ชื่อว่าอัชฌัตติกะ 1 รูป ๒๓