ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 237
ข้าพเจ้ามิได้กล่าวไว้ในวรรณนาน ๆ คำนั้น ๆ ทั้งหมด บัณฑิตพึง
ทราบตามนัยที่อาจารย์ทั้งหลายกล่าวไว้แล้ว ในปกรณ์ชื่อปรมัตถมัญ
ชุสาเป็นต้น และโดยพิเศษ ในฎีกาแห่งอภิธัมมาวตาร ชื่ออภิมัตถ
ปกาสินี ฯ
[อธิบายอกุศลกรรมจะอำนวยผลที่น่าใคร่ไม่ได้เป็นต้น]
สองบทว่า สพฺพตฺถาปิ กามโลเก ความว่า (อกุศลกรรมทั้ง
หมด ๑๒ อย่าง ให้อกุศลวิบากทั้ง ๒ ได้) ในกามโลกแม้ทั้งหมด
"ด้วยอำนาจสุคติและทุคติ ฯ บทว่า ยถาห์ แปลว่า ตามสมควรแก่
ทวารและอาลัมพนะ ฯ วิบากวิญญาณอันใด มีมหาสมบัติเป็น
อารมณ์เกิดแก่พวกนาคแบะครุฑเป็นต้น แม้ในอบายทั้งหลายก็ดี วิบาก
วิญญาณอันใด เกิดแก่พวกสัตว์นรก เพราะเหตุที่ได้พบเห็นพระมหา
โมคคัลลานเถระเป็นต้นก็ดี วิบากวิญญาณทั้ง ๒ นั้น เป็นผลแห่งกุศล
กรรมอย่างเดียว ฯ เพราะผลที่ปรารถนาของอกุศลกรรมเกิดมีไม่ได้
ฉะนี้แล ฯ ข้อนี้สมจริงดังที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า "ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ข้อที่อกุศลกรรมจะมีผลน่าปรารถนา น่าใคร่ ไม่ใช่ฐานะ
ไม่ใช่โอกาส " ฯ เพราะฉะนั้น กุศลกรรมจึงยังอเหตุกวิบากให้เกิดขึ้น
แม้ในอบายทั้งหลาย และยังอเหตุกวิบากเหล่านั้น อันมีรูปเป็นต้น
เป็นวิสัย ให้สำเร็จตามสมควร (แก่ทวารและอาลัมพนะ) แม้ในรูปโลก
เพราะไม่มีความเกิดแห่งอเหตุกวิบาก ด้วยรูปาวจรกรรม เหตุไม่มีวิบาก
ที่เป็นไปในภูมิอื่น แก่กรรมที่เป็นไปในภูมิอื่น และเหตุที่ภาวนาอัน