ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 178
มีคำถามสอดเข้ามาว่า ก็ท่านได้กล่าวแล้วว่า เพราะไม่มีพืชคือ
ปฏิสนธิที่เป็นกามาวจรมิใช่หรือ ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น แม้จักขุวิญญาณ
เป็นต้นก็ต้องไม่มี ๆ แก้ว่า จะต้องไม่มีไม่ได้ เพราะอานุภาพแห่ง
อินทรีย์ยังเป็นไป และเพราะกำหนดจิตไว้ในความต่างแห่งทวารและ
วิถี ฯ บทว่า มนฺทปปวตฺติย์ ความว่า ในเวลาเป็นไปอ่อน เพราะ
ชวนจิตที่กำลังอ่อน เพราหทัยวัตถุหย่อนกำลังในเวลาใกล้จะตาย ฯ
ด้วย อาทิ ศัพท์ ในบทว่า มรณกาลาทีสุ ท่านอาจารย์สงเคราะห์เอา
เวลาสลบเข้าด้วย ฯ
[ปัจจเวกขณะชวนจิต]
คำว่า ภควโต ฯ เป ฯ วทนฺติ ความว่า พระอรรถกถาจารย์กล่าว
ว่า การนำจิต ที่มีอาวัชชนะเป็นประธานไปโดยถึงยอดแห่งความเป็น
ผู้มีความชำนาญในการคำนึงของพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ทรงเข้าฌานที่
เป็นบท เป็นแผนกๆ แล้วออกจากฌานที่เป็นบาทนั้น คำนึงถึง
ฌานธรรมเป็นอย่าง ๆ เพื่อต้องการให้ธารน้ำและท่อไฟเป็นไปเป็นต้น
ในกาลที่ทรงทำยมกปาฏิหาริย์เป็นต้น เพราะฉะนั้น ปัจจเจกขณชวนจิต
ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ๓ หรือ ๕ ซึ่งมีองค์ฌานตามที่พระองค์ทาง
รำพึงถึงเป็นอารมณ์ย่อมเป็นไป ๆ ก็คำว่า ภควโต นี้ เป็นเพียง
ตัวอย่าง เพราะชวนจิตที่ไม่เต็มที่ก็เป็นไปแม้แก่พระสาวกเหล่าอื่นมี
พระธรรมเสนาบดีเป็นต้น ในเวลาทำกิจรีบด่วนเห็นปานนี้ ฯ เพราะ
เหตุนั้นแล ในอรรถกถา ท่าน (พระพุทธโฆษาจารย์) จึงกล่าวคำว่า
เวสีที่ถึงยอดนี้ ย่อมมีได้แก่พระผู้มีพระภาคเจ้า ในเวลาทรงทำยมก