อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - ขณะจิตมี ๓ อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา หน้า 152
หน้าที่ 152 / 442

สรุปเนื้อหา

บทความนี้นำเสนอการวิเคราะห์ขณะจิตและการกำหนดอารมณ์ตามหลักอภิธัมม โดยเฉพาะความสำคัญของอุปปาทะภังคะและฐิติของจิต. การพูดถึงว่าหากฐิติขณะเป็นจริง จะต้องมีการระบุในบทพระสูตรด้วย ทั้งยังมีการอ้างอิงชัดเจนจากบทยุตติของพุทธกาล ในการอธิบายความเกิด ความสลาย และการดำเนินหน้านี้. นอกจากนี้ยังปรากฏการถกเถียงที่เกิดขึ้นในวงการอภิธัมมาซึ่งได้แก่มุมมองของอาจารย์ในสำนักต่าง ๆ.

หัวข้อประเด็น

-อภิธัมมศึกษา
-การวิเคราะห์ขณะจิต
-อุปปาทะ
-ภังคะ
-ฐิติ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 152 [ขณะจิตมี ๓] บทว่า กถ คือ (พึงทราบวิสัยปวัติ) โดยประการอย่างไร ฯ เพื่อจะถามว่า การกำหนดอารมณ์ด้วยอำนาจอติมหันตารมณ์เป็นต้นแล้ว ประกาศการกำหนดอารมณ์นั้นด้วยอำนาจแห่งขณะจิต ท่านอาจารย์จึง เริ่มคำเป็นต้นว่า อปฺปาท ฐิติ ดังนี้ ฯ ความเกิดขึ้น ชื่อว่าอุปปาทะ ได้แก่การกลับได้ตัวตน ฯ ความสลาย ชื่อว่าภังคะ ได้แก่ความพินาศ แห่งรูปที่มีอยู่ฯ ความเป็นไปบ่ายหน้าสู่ความสลายในระหว่างความ เกิดและความสลายทั้ง ๒ ชื่อว่าฐิติ ฯ แต่ท่านอาจารย์บางพวก ปฏิเสธขณะที่จิตตั้งอยู่ (ฐิติขณะของจิต) ฯ จริงอยู่ การอธิบายของ ท่านอาจารย์เหล่านั้น ดังต่อไปนี้ :- ในวิภังค์แห่งบทมีอาทิอย่างนี้ว่า เกิดขึ้นแล้ว กำลังบังเกิดขึ้น ในจิตตยมก พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส ภังคขณะ และอุปปาทขณะเท่านั้น โดยนัยมีอาทิว่า ในภังคขณะ จิตเกิดขึ้นแล้ว และมิใช่กำลังเกิดขึ้น ในอุปปาทขณะ จิตกำลังเกิดขึ้น และมิใช่เกิดขึ้นแล้ว ดังนี้ ไม่ได้ตรัสฐิติขณะไว้ฯ ก็ถ้าแม้ฐิติขณะ ของจิตมีอยู่ไซร้ ก็จะต้องตรัสคำว่า ในฐิติขณะ และในภังคขณะ ฯ หากจะพึงมีมติของบางท่านว่า ฐิติขณะมีอยู่ โดยบาลีในสุตตันตะว่า ความเกิดขึ้นปรากฏ และความเสื่อมปรากฏ ความเป็นอย่างอื่นแห่ง ธรรมที่ตั้งอยู่แล้วก็ปรากฏ ดังนี้ 1 ในบาลีพระสูตรแม้นั้นพะผู้มี พระภาคเจ้าทรางประสงค์เอาความตั้งอยู่ด้วยความต่อเนื่องกันอย่างเดียว เพราะความเป็นโดยประการอื่นไม่เกิดขึ้นในธรรมอันหนึ่ง และเพราะ ฯ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More