ข้อความต้นฉบับในหน้า
-
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 340
เป็นดุจธาตุส่วนย่อมของสรีระ และวัตถุ
เกิดแต่ศิลา ฯ
ය
ก็ธาตุเหล่านั้น พระผู้มีพระภาคทางแจกนายตนะออกไปเป็น
๒ ประการ ด้วยอำนาจแห่งวิญญาณธาตุทั้ง ๒ แล้วจึงตรัสไว้ ๑๘ อย่าง
รวมกับอายตนะ ๑๑ ที่เหลือ เพราะฉะนั้น ท่านอาจารย์จึงกล่าวคำว่า
จักขุธาตุ เป็นต้น ฯ เหตุของลำดับ (แห่งการแสดงธาตุ ๕ มีจักขุธาตุ
เป็นต้น) บัณฑิตพึงทราบตามนัยที่กล่าวแล้ว (ในอายตนะ) ฯ
[อธิบายอริยสัจ ๔]
ธรรมชาติมีทุกข์เป็นต้น ชื่อว่าอริยะ เพราะกระทำความเป็น
อริยะ ชื่อว่าสัจจะ เพราะเป็นของแท้ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าอริยสัจ ฯ
แท้จริง สัจจะเหล่านี้ ย่อมทำพระอริยบุคคล ๒ จำพวก คือ พระผู้ปฏิบัติ
เพื่อผล (ผู้ตั้งอยู่ในมรรค) ๔ และพระผู้ตั้งอยู่ในผล ๔ ให้สำเร็จ
เพราะเมื่อไม่มีการตรัสรู้สัจจะ พระอริยบุคคลเหล่านั้น ก็ไม่เข้าถึงความ
เป็นพระอริยะ และเพราะเมื่อมีการตรัสรู้สัจจะนั้น พระอริยบุคคล
เหล่านั้น จึงเข้าถึงความเป็นพระอริยะนั้นได้แน่นอน ฯ ก็ภาวะที่ทุกข์
สมุทัย นิโรธ และมรรคเท่านั้น เป็นธรรมชาติบีบคั้น แดนเกิดก่อน
ธรรมชาติสลัดออก และเป็นธรรมชาตินำออก ตามลำดับ ส่วนธรรม
เหล่าอื่นจะเป็นธรรมชาติบีบคั้นเป็นต้นไม่ได้เลย แต่ทุกข์เป็นต้นจะไม่
เป็นธรรมชาติบีบคั้นเป็นต้นไม่มี เพราะฉะนั้น ทุกข์เป็นต้นเหล่านี้จึงชื่อ
ว่าเป็นของแท้ ตามลักษณะ กล่าวคือความบีบคั้นเป็นต้น อันไม่มีใน
ธรรมเหล่าอื่น แต่แพร่กระจายไปในธรรมมีทุกข์เป็นต้นนั้น ๆ เพราะ