อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา หน้า 63
หน้าที่ 63 / 442

สรุปเนื้อหา

บทนี้อธิบายถึงโลกุตตรจิตซึ่งเป็นจิตที่มีความประเสริฐที่สุด โดยได้เสนอมุมมองเกี่ยวกับการตัดกิเลสและการบรรลุถึงสัมมาสมาธิผ่านมรรค ๔ อธิบายถึงความแตกต่างของจิตและผลของการกระทำที่เกิดจากกุศลจิต อธิบายการเกิดขึ้นของมรรคจิตและการระงับกิเลสได้อย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งการวิเคราะห์เกี่ยวกับอินทรีย์ที่มีความสามารถต่างกันในภาวะจิต.

หัวข้อประเด็น

-โลกุตตรจิต
-การตัดกิเลส
-มรรค ๔
-อัฏฐิงคิกมรรค
-ผลของการกระทำ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 63 คาถาว่า จตุมคฺคปุปเภเทน เป็นต้น ประกอบความว่า โลกุตตร จิตอย่างประเสริฐ คือที่เรียกว่าอย่างยิ่ง เพราะไม่มีจิตอื่นจะยิ่งไปกว่า ตน ท่านลงมติไว้ 4 ประการ อย่างนี้ คือ โลกุตตรกุศลจิต กล่าวคือ มรรค ๔ มี ๔ อย่าง โดยความต่างแห่งสัมประโยคของอัฏฐิงคิกมรรค ทั้ง 4 มีโสดาปัตติมรรคเป็นต้น ด้วยความสามารถละสังโยชน์ได้อย่างนี้ คือ ละสักกายทิฏฐิ วิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ได้เด็ดขาด ๑ ทำ กามราคะและพยาบาทให้เบาบาง ๑ ละกามราคะและพยาบาทเหล่านั้น นั่นแลได้เด็ดขาด ๑ ละรูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ และอวิชชา ได้เด็ดขาด ๑ เพราะความที่อินทรีย์มีความสามารถต่างกัน โดยความต่างแห่งอินทรีย์ที่ไม่ปรากฏ ปรากฏ ปรากฏว่า และปรากฏ ที่สุด อนึ่ง โลกุตตรวิบากจิตก็มี 4 อย่าง โดยสมควรแก่กุศลจิตนั้น เพราะเป็นผลแห่งกุศลจิตนั่นเอง ฯ แต่ท่านไม่กล่าวว่า โลกุตตรจิต มี ๑๒ อย่าง เพราะโลกุตตรจิตกิริยาจิตไม่มี ฯ ถามว่า ก็เพราะเหตุไร โลกุตตรกิริยาจิตนั้นจึงไม่มี ๆ แก้ว่า เพราะมรรคเป็นไปชั่วขณะจิต เดียว ฯ จริงอยู่ ถ้ามรรคจิตจะพึงบังเกิดขึ้นบ่อย ๆ ในเวลานั้น บัณฑิตอาจจะกล่าวมรรคจิตนั้นว่าเป็นกิริยา โดยที่บังเกิดแก่พระ ન્ ๆ ન อรหันต์ฯ แต่มรรคจิตนั้นไม่เกิดแก่พระเสขะหรือพระอเสขะได้สักครั้ง เพราะไม่มีกิจที่มรรคจิตนั้นจะพึงทำในเวลาที่บังเกิดขึ้นอีก เพราะจะต้อง เหไปด้วยอำนาจที่ตัดกิเลสได้ขาดอย่างเดียว และเพราะความเป็นไปโดย ส่วนเดียวแห่งกิเลสนั้น ๆ อันมรรจิตนั้น ซึ่งเป็นไปเพียงวาระเดียว ให้สำเร็จแล้ว ดุจการกำจัดต้นไม้เป็นต้นพร้อมทั้งรากเหง้า อันอสนิบาต
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More