ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 61
ท่านประสงค์เอาในที่นี้ ฯ จริงอยู่ พระสกทาคามีจำพวกหลังนี้ ไปจาก
มนุษย์โลกนี้แล้ว กลับมาในมนุษยโลกนี้อีกครั้งเดียว ฯ มรรคจิต
ของพระสกทาคามีนั้น ชื่อว่าสกทาคามีมรรคจิต ฯ เฉพาะพระอริย
บุคคลผู้ตั้งอยู่ในผล ชื่อว่าพระสกทาคามี เพราะพระอริยบุคคลผู้มี
ความพร้อมเพรียงด้วยมรรค ไม่มีการมาด้วยอำนาจปฏิสนธิอย่างนั้น
แม้ก็จริง ถึงอย่างนั้น มรรคที่เกิดก่อนซึ่งเป็นเหตุแห่งผลนั้น ท่าน
เรียกว่าสกทาคามิมรรคให้แปลกออกไป ด้วยพระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในผล
เพื่อแยกขาดจากมรรคอื่น ๆ อนาคามิมรรคก็อย่างนั้นเหมือนกันแลฯ
จิตที่สัมปยุตด้วยสกทาคามิมรรค ชื่อว่าสกทาคามิมรรคจิต ฯ
บุคคลผู้ที่ชื่อว่าอนาคามี เพราะอรรถว่า ไม่มีคู่กามธาตุนี้
ด้วยอำนาจปฏิสนธิ ฯ มรรคของพระอนาคามีนั้น ชื่อว่าอนาคามิ
มรรคฯ จิตที่สัมปยุตด้วยอนาคามิมรรคนั้น ชื่อว่าอนาคามิมรรคจิต ฯ
บุคคลผู้ที่ชื่อว่าอรหันต์ เพราะอรรถว่า ควรการบูชาพิเศษ เพราะเป็น
พระทักขิไณยบุคคลผู้เลิศ ฯ อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่าพระอรหันต์
เพราะอรรถว่า กำจัดข้าศึกคือกิเลส หรือทำลายกำแห่งสังสารจักร
คือกิเลส ฯ อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่าพระอรหันต์ เพราะไม่มีความลับใน
การทำบาป ได้แก่พระอริยบุคคลที่ ๘ฯ ความเป็นแห่งพระอรหันต์นั้น
ชื่อว่าพระอรหัต ฯ คำว่า อรหัต นี้ เป็นชื่อแห่งผลที่ ๔ ฯ มรรค
ที่เป็นเหตุมาแห่งผลนั้น ชื่อว่าอรหัตตมรรคฯ จิตที่สัมปยุตด้วยอร
หัตตมรรคนั้น ชื่อว่าอรหัตตมรรคจิต ฯ ด้วย ปี ศัพท์ ท่านอาจารย์
รวมรวมนัยของมรรค ๔ มีประเภท ๔๐๐ นัย ด้วยอำนาจมรรคละ