ข้อความต้นฉบับในหน้า
๑.
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา - หน้าที่ 9
(โลกุตตรจิต) บัณฑิตถือเอาในความต่าง
แห่งฌานมีปฐมฌานเป็นต้น ฉันใด แม้
อรูปฌาน ท่านก็ถือเอาในฌานที่ ๕
ฉันนั้น) ฯ เพราะฉะนั้น แต่ละฌาน
ๆ
มีปฐมฌานเป็นต้น บัณฑิตจึงได้กล่าวจิต
ไว้ฌานละ ๑๑ แต่ฌานที่สุดมีจิต ๒๓ ฯ
กุศลจิตมี ๓๗ อนึ่ง วิบากจิต มี ๕๒
(อกุศลจิต ๑๒ กิริยาจิต ๒๐) ผู้รู้ทั้งหลาย
ได้กล่าวจิตไว้ ๑๒๑" ด้วยประการอย่าง
นี้แล ฯ
ปริเฉทที่ ๑ ชื่อจิตตสังคหวิภาค
ในปกรณ์อภิธัมมัตถสังคหะ จบ ด้วยประการฉะนี้
ન
จิต ฌานละ ๑๑ คือ รูปฌานที่ ๑ ถึงที่ ๔ ทุกชั้น มีกุศล ๑ วิบาก ๑ กิริยา
มรรค ๔ ผล ๔
ฌานที่สุด ได้แก่ รูปฌานที่ ๕ และอรูปฌานทั้ง ๔ สงเคราะห์เข้าไปรูปฌานที่ ๕
เพราะมีองค์เสมอกัน มีจิตรวมกัน ๒๓ คือ รูปฌานที่ ๕ มีกุศล ๑ วิบาก ๑ กิริยา ๑ อรูปฌาน
ทั้ง ๔
๔ มีกุศล ๔ วิบาก 4 กิริยา ๔ รวมเป็น ๑๕ ส่วนในโลกุตตรจิต นับรวมกันเป็นมรรค ๔
ผล ๔ รวมเป็น ๒๓ ฯ
กุศลจิต ๓๗ คือ กามาวจร ๘ รูป ๔ โลกุตตร ๒๐
วิบากจิต ๕๒ คือ อเหตุก ๑๕ กามาวจรสเหตุก ๘ รูป ๔ อรูป ๔ โลกุตตร ๒๐
จิต ๑๒๑ คือ กุศล ๓๓ วิบาก ๕๒ รวมกับอกุศล ๑๒ กิริยา ๒๐
อีกอย่างหนึ่ง นับดังนี้ อกุศล ๑๒ อเหตุก ๑๘ กามาวจร โสภณ ๑๔ รูปาวจร ๑๕
อรูปาวจร ๑๒ โลกุตตร ๔๐ ฯ