ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 385
ที่สหรคตด้วยมโนสัญเจตนาหารนั้น เป็นปัจจัยโดยเป็นกัมมปัจจัยและ
อุปนิสสยปัจจัย ไม่ใช่โดยเป็นอาหารปัจจัย ฯ ถามว่า อิตถินทรีย์และ
ปุริสินทรีย์ ท่านอาจารย์ไม่ถือเอาในคำเป็นต้นว่า ประสาท ๕ ดังนี้
ดอกหรือ ? แก้ว่า ไม่ได้ถือเอาจริงๆ ความที่อิตถินทรีย์และ
ปุริสินทรีย์ทั้ง ๒ นั้น เป็นธรรมชาติยังอาการมีเพศเป็นต้น ให้เป็นไป
ตามซึ่งตนมีอยู่โดยแท้ ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่มีโดยความเป็นปัจจัยย ฯ
เหมือนอย่างว่า ชีวิตและอาหารเป็นปัจจัยแก่ธรรมเหล่าใด ก็เลี้ยง
ค้ำชูธรรมเหล่านั้น ทั้งเป็นอัตถิปัจจัยและวิคตปัจจัยแก่ธรรมเหล่านั้น
ฉันใด ความเป็นหญิงและชาย เป็นอุปการะแห่งเพศเป็นต้นซึ่ง
เป็นไปแต่ปัจจัยมีกรรมเป็นต้น ตามควรแก่ตนอย่างเดียว เป็นปัจจัย
แก่ความรู้ว่า เป็นหญิง เป็นชาย โดยอาการใด เพราะความไม่เป็น
ไปในสันดานอันเป็นไปกับด้วยความเป็นหญิงเป็นชายนั้น โดยอาการอื่น
จากอาการ (ที่รู้ว่าเป็นหญิงเป็นชาย) นั้น ท่านอาจารย์จึงกล่าวภาวะ
เป็นหญิงเป็นชายนั้น ยังเพศเป็นต้นให้เป็นไปตามซึ่งตน และความเป็น
อินทรีย์ เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคจึงไม่ตรัสภาวะแห่งความเป็นหญิง
และเป็นชายนั้นเป็นอินทรีย์ปัจจัย ฯ
ท่านอาจารย์ทำในใจว่า นามเหล่าใด เป็นดุจออกจากภายในแห่ง
รูปมีหทัยวัตถุเป็นต้น เป็นไป และรูปเหล่าใดที่กำลังเกิดด้วยอาศัยนาม
นั่นเอง มีความรังเกียจในการสัมประโยค นามและรูปก็เป็นวิปปยุตต
ปัจจัยแก่นามและรูปเหล่านั้นนั่นเอง, ส่วนรูปรังเกียจในการสัมประโยค