ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา - หน้าที่ 88
ญาณและทิฏฐินี้ มีความต่างกันอย่างนี้ คือ ญาณรู้อารมณ์ได้ตามสภาพ
ที่เป็นจริง ทิฏฐิละสภาพตามที่จริง ถือเอาโดยสภาพที่ไม่มีจริงๆ
ที่ชื่อว่ามานะ เพราะอรรถว่า สำคัญโดยตรงอาการเป็นต้นว่า
เราเป็นผู้ประเสริฐกว่าฯ มานะนั้น มีความพองขึ้นเป็นลักษณะ ฯ
จริงอย่างนั้น มานะนี้ท่านอาจารย์กล่าวว่า มีความอยากเป็นดุจธงเป็น
เหตุปรากฏ ฯ
ที่ชื่อว่าโทสะ เพราะอรรถว่า ประทุษร้ายฯ โทสะนี้ มีความ
ดุร้ายลักษณะ เหมือนอสรพิษที่ถูกตีฯ ที่ชื่อว่าอิสสา เพราะอรรถ
ว่า ริษยา อิสสานั้น มีความริษยาต่อสมบัติของคนอื่นเป็นลักษณะ ฯ
ภาวะแห่งความตระหนี่ ชื่อว่ามัจฉริยะ ๆ อีกอย่างหนึ่ง ธรรมชาติที่
เป็นไปโดยอาการว่า ความอัศจรรย์นี้ จงอย่างมีแก่ชนเหล่าอื่น (ความ
อัศจรรย์นี้) จงมีแก่เราเท่านั้น ชื่อว่ามัจฉริยะ ๆ มัจฉริยะนั้น มีการ
ปกปิดสมบัติของตนเป็นลักษณะ ฯ
ๆ
ชนทั้งหลายย่อมพูดกันว่า
กรรมที่ชื่อว่ากุกกตะ เพราะอรรถว่า บุคคลทำอย่างน่าเกลียด
ได้แก่ทุจริตที่กระทำแล้วและสุจริตที่มิได้กระทำฯ แท้จริง กรรมแม้ที่
มิได้กระทำ ชนทั้งหลายก็เรียกว่า กุกกตะ ชนทั้งหลา
กรรมที่ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำ ชื่อว่ากุกกตะ ฯ แต่ในอธิการแห่งอกุล
เจตสิกนี้ วิปปฏิสารจิตตุปบาทที่ปรารภกรรมที่ตนกระทำแล้วและมิได้
กระทำเกิดขึ้น ชื่อว่ากุกกตะ ฯ ภาวะแห่งกุกกตะนั้น ชื่อว่ากุกกุจจะ ๆ
กุกกุจจะนั้น มีความเศร้าโศกถึงทุจริตที่ตนกระทำแล้ว และสุจริตที่
ไม่ได้กระทำเป็นลักษณะ ฯ