ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 31
ก็ความแปลกกันแห่งโทมนัสและปฏิฆะนี้ อย่างนี้คือ บรรดา
โทมนัสและปฏิฆะนี้ โทมนัส ได้แก่ธรรมอย่างหนึ่ง นับเนื่องใน
เวทนาขันธ์ มีการเสวยอนิฏฐารมณ์เป็นลักษณะ ปฏิฆะ ได้แก่ธรรม
อย่างหนึ่ง นับเนื่องในสังขารขันธ์ มีความดุร้ายเป็นสภาพฯ ก็แล
บัณฑิตพึงเห็นว่า บรรดาโทมนัสและปฏิฆะนี้ อนิฏฐารมณ์อย่างใด
อย่างหนึ่ง และอาฆาตวัตถุ ๘ อย่าง เป็นเหตุแห่งโทมนัส และเป็น
เหตุแห่งปฏิฆะ ฯ อนึ่ง บัณฑิตพึงทราบความเกิดขึ้นแห่งจิต ๒ ดวงนี้
ในเวลาที่เป็นไปกล้าและอ่อน ในอกุศลกรรมบถมีปาณาติบาตเป็นต้น ฯ
บัณฑิตพึงเห็นอรรถแห่ง ปิ ศัพท์ แม้ในนิคมคาถานี้ โดยทำนองแห่ง
นัยตามที่กล่าวแล้วฯ
[อธิบายจิตประกอบด้วยวิจิกิจฉาและอุทธัจจะเป็นต้น]
ธรรมชาติที่ชื่อว่าวิจิกิจฉา เพราะอรรถว่า เป็นเหตุให้บุคคล
ตัดสินสภาวธรรมยาก คือลำบาก อีกอย่างหนึ่ง ที่ชื่อว่าวิจิกิจฉา
เพราะอรรถว่า ธรรมชาตินี้หมดการเยียวยา คือใช้ญาณ (สามัญ)
แก้ เพราะยากที่จะรักษาฯ จิตที่ประกอบด้วยวิจิกิจฉานั้น ชื่อว่า
วิจิกิจฉาสัมปยุต ฯ
ภาวะแห่งจิตที่ฟุ้งซ่าน ชื่อว่าอุทธัจจะ ฯ แม้เมื่ออุทธัจจะเป็น
เจตสิกทั่วไปแก่อกุศลจิตทั้งปวง อุทธัจจะย่อมเป็นประธานเป็นไปใน
สัมปยุตธรรมทั้งหลาย ในจิตนี้ เพราะฉะนั้น จิตนี้เท่านั้น ท่าน
อาจารย์กล่าวให้แปลกออกไปด้วยอุทธัจจะนั้น ๆ ก็เพราะอธิกายอย่างนี้
ในธัมมุทเทสบาลี พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสอุทธัจจะไว้ในอกุศลที่
เหลือด้วยสามารถแห่งเยวาปนกธรรม ส่วนในจิตดวงที่สุดนี้ พระผู้มี