การศึกษาอภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา หน้า 378
หน้าที่ 378 / 442

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเกี่ยวกับอภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา โดยเฉพาะการศึกษาเกี่ยวกับอาเสวนะและมรรค โดยอาจารย์ธรรมปาลเถระได้กล่าวถึงปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อการเกิดขึ้นของรูปธรรมและจิต โดยอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างนามและรูป ในการพิจารณาและทำความเข้าใจถึงเหตุปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปฏิสนธิกาลและปวัติกาล รวมถึงการเป็นปัจจัยของมรรคที่ไม่ถือเอาจากโคตรภู บทนี้จึงเป็นแนวทางในการศึกษาธรรมเพื่อเข้าถึงความเข้าใจในหลักธรรมอย่างแท้จริง

หัวข้อประเด็น

-อาเสวนะ
-มรรค
-โคตรภู
-ปัจจัย
-รูปธรรม

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 378 อัพยากตชวนวิบากและไม่ยังวิบากอื่นให้ถือเอาอาเสวนะ ฯ แม้คำที่ท่าน อาจารย์ธรรมปาลเถระกล่าวไว้ว่า "ชวนะที่จะพ้นไปจากอาเสวนะไม่มี" ดังนี้ ต้องเข้าใจว่า ท่านกล่าวไว้ด้วยอำนาจโวหารที่เป็นส่วนมาก ๆ โดยประการอื่น พึงประสงค์ความที่ท่านอาจารย์เป็นผู้กล่าวโดยไม่ทันเพ่ง ความให้ดีๆ แต่คำว่า มรรค ન ไม่ถือเอาอาเสวนะจากโคตรภู ไม่มี เพราะไม่ทรงประสงค์ความที่ธรรมมีชาติต่าง ๆ กัน ด้วยสามารถแห่ง ภูมิเป็นต้นฯ สมจริงดังพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ในปกรณ์ ปัฏฐานว่า โคตรภูเป็นปัจจัยแก่มรรคโดยเป็นอาเสวนปัจจัย โวทานะ เป็นปัจจัยแก่มรรค โดยเป็นอาเสวนปัจจัย ฯ [อธิบายนามรูปต่างเป็นปัจจัยแก่กันและกัน] รูปธรรมแม้ที่เกิดขึ้นด้วยกัน ไม่ชื่อว่าสัมปยุตตปัจจัย เพราะไม่มี ลักษณะสัมประโยค ๔ อย่าง มีเกิดร่วมกันเป็นต้น ท่านอาจารย์ทำใน ใจ ดังนี้ จึงได้กล่าวคำมีอาทิว่า จิตตเจตสิกา ธมฺมา อญฺญมญฺญ์ ดังนี้ฯ คำว่า เหตุชุฌานงฺคมคฺคงฺคามิ สหชาตานํ นามรูปานํ ความว่า เหตุ ฌาน และมรรค ทั้ง ๓ นี้ ย่อมเป็นปัจจัยแก่รูปที่มีกรรม เป็นสมุฏฐานในปฏิสนธิกาล และที่มีจิตเป็นสมุฏฐานในปวัติกาล และ แก่นามที่เกิดร่วมกันในปฏิสนธิกาลและปวัติกาลทั้ง ๒ โดยเป็นเหตุ ปัจจัยเป็นต้นฯ แท้จริง พระอนุรุทธาจารย์กล่าวว่า ในคำทุกคำที่ว่า สหชาตรูป์ บัณฑิตพึงทราบว่า รูปมีกรรมเป็นสมุฏฐานในปฏิสนธิกาล มีจิตเป็นสมุฏฐานในปวัติกาล ฯ คำว่า สหชาตา เจตนา ได้แก่
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More