ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 413
ลักษณะของตน และโดยสัมภาระมีผมเป็นต้น ชื่อว่าจตุธาตุววัตถานฯ
ธรรมทั้งหลายที่เป็นไปในอารมณ์ที่ไม่มีรูป ชื่อว่าอารุปปา ฯ
[อธิบายกรรมฐานที่เหมาะกับจริต
ન
บัดนี้ เพื่อจะแสดงกรรมฐานที่เหมาะแก่จริตของบุคคลนั้น ๆ
ท่านอาจารย์จึงได้กล่าวคำว่า จติตาสุ ปน ดังนี้เป็นต้น ๆ ก็บุคคลที่
ชื่อว่าราคจริต เพราะอรรถว่า มีราคะเป็นจริต คือเป็นปกติ ได้แก่
บุคคลผู้มีราคะมาก ๆ อสุภกรรมฐาน เป็นสัมปปายะแก่คนราคจริตนั้น
เพราะอสุภกรรมฐานเป็นข้าศึกโดยตรงแก่ราคะ ฯ อานาปานะ เป็น
สัปปายะแก่คนโมหจริตและวิตกจริต เพราะอานาปานะเป็นปฏิปักษ์ต่อ
โมหะ โดยเป็นอารมณ์แห่งความรู้ และเพราะห้ามความวิ่งพล่านแห่ง
วิตกได้ ฯ อนุสสติ 5 ข้างต้น มีพุทธานุสสติเป็นต้น เป็นสัปปายะ
แก่คนสัทธาจริต เพราะเป็นเหตุแห่งความเจริญศรัทธาฯ ความจาย
ความสงบ สัญญา และการกำหนด เป็นสัปปายะแก่คนพุทธิจริต เพราะ
เป็นวิสัยแห่งความรู้อย่างเดียว เหตุมีภาวะลึกซึ้ง ๆ บทว่า เสสสนิ
ได้แก่ กรรมฐาน ๑๐ อย่าง ด้วยอำนาจแห่งภูตกสิณ ๔ อย่าง กสิณา
กาส อาโลกกสิณ และหมวด ๔ แห่งอรูปฯ บทว่า ตตฺถาปิ คือ
บรรดากรรมฐาน ๑๐ อย่างเหล่านั้นฯ ดวงกสิณที่กว้าง (ใหญ่) เป็น
สัปปายะแก่คนโมหจริต เพราะในโอกาสคับแคบ จิตก็ยิ่งหลงหนักเข้า ฯ
ดวงกสิณเล็ก เป็นสัปปายะแก่คนวิตกจริต เพราะอารมณ์ใหญ่เป็นปัจจัย
แห่งความวิ่งพล่านของวิตก ฯ คำว่า อสุภ ๑๐
ન્
› นี้ ท่านอาจารย์กล่าวไว้
เพราะเป็นข้าศึกโดยตรง และเพราะเป็นสัปปายะที่ดียิ่ง ๆ จริงอยู่ ขึ้น