ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา - หน้าที่ 265
นี้เป็นกลาปโยชนา (การประกอบความกลาง) ในรูปสังคหะนี้
[รูปปวัติกมะ]
ๆ
ก็รูปเหล่านี้แม้ทั้งหมด ย่อมมีได้ในกามโลก ตามสมควร ไม่
บกพร่องในปวัติกาล ฯ แต่ในปฏิสนธิกาล ทสกะ ๓ กล่าวคือจักขุสกะ
โสตทสกะ ฆานทสึกะ ชิวหาทสกะ กายทสกะ ภาวทสกะ วัตถุทสกะ
ย่อมปรากฏแก่พวกสังเสทชสัตว์ และพวกโอปปาติกสัตว์ด้วยสามารถ
แห่งกลาปอย่างสูงฯ แต่ด้วยสามารถแห่งกลาปอย่างต่ำในบางคราว
จักขุทสกะ โสตทสกะ ฆานทสกะ และภาวทสกะ ยังไม่มีก็มี ฯ เพราะ
ฉะนั้น บัณฑิตพึงทราบการลดลงแห่งกลาป ด้วยสามารถแห่งทสกะ
เหล่านั้นฯ ส่วนทสกะ ๓ กล่าวคือ กายทสกะ ภาวทสกะ และ
วัตถุทสกะ ย่อมปรากฏแก่พวกคัพภเสยยกสัตว์ ฯ แม้บรรดาทสกะ ๓
“นั้น ภาวทสกะ ก็ไม่มีในกาลบางคราว ๆ แต่ในปวัติกาล ต่อจาก
ปฏิสนธินั้นไป จักขุทสกะเป็นต้น ย่อมปรากฏตามลำดับฯ ความสืบ
ต่อแห่งรูปกลาป ที่มีสมุฏฐาน ๔ คือ มีกรรมเป็นสมุฏฐาน เริ่มต้น
แต่ปฏิสนธิ มีจิตเป็นสมุฏฐาน เริ่มต้นแต่จิตดวงที่ ๒ มีฤดูเป็นสมุฏ
ฐาน เริ่มต้นแต่ฐิติกาล และมีอาหารเป็นสมุฏฐาน เริ่มต้นแต่โอชะ
แผ่ไป ย่อมเป็นไปในกามโลกไม่ขาดสายตลอดอายุ เหมือนเปลว
ประทีป และเหมือนกระแสน้ำ ฉะนี้และ ฯ แต่ในเวลามรณะ กัมมชรูป
“ทั้งหลาย ย่อมไม่บังเกิดขึ้นเริ่มต้นแต่ฐิติกาลแห่งจิตดวงที่ ๑) ต่อจาก
จุติจิต และกัมมชรูปทั้งหลายที่เกิดขึ้นก่อน เป็นไปตลอดกาล เท่ากับ
จุติจิตนั่นเอง แล้วดับไป ฯ ต่อแต่นั้นจิตตชรูป และอาหารชรูป
ન્
ๆ
ขาดลงฯ และต่อจากนั้น ความสืบเนื่องต่อกันไปแห่งรูปที่มีฤดูเป็น